สมเด็จผิดจริงหรือ?

ผมเคยรับราชการ เป็นรองอธิบดีกรมสรรพสามิตครับ

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ รับรองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ไปตรวจรีสอร์ต แห่งหนึ่ง
พบว่า มีแอร์คอนดิชั่น ที่ใช้ในรีสอร์ตยังไม่ได้เสียภาษี
ซึ่งได้ซื้อมาตามปกติ มีเรื่องราวเกี่ยวกับการจับกุมมีการต่อรอง
การเสียภาษีค่าปรับ เจ้าของรีสอร์ตก็ร้องเรียนว่าเจ้าพนักงานสรรพ
สามิตดำเนินการโดยมิชอบ มีการออกสื่อทางทีวี

ผมไม่รู้จักเจ้าพนักงานสรรพสามิต และเจ้าของรีสอร์ตเป็นการส่วนตัว
ผมได้คุยกับเจ้าพนักงานสรรพสามิต จริงอยู่ตาม พรบ.
ผู้ครอบครองจะต้องเสียภาษี
แต่หลักการจริงของ พรบ.เก็บภาษีสรรพสามิตจากผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ตามราคาโรงงานอุตสาหกรรม คือเก็บภาษีจากผู้ผลิต

ในเมื่อเจ้าของรีสอร์ต มีหลักฐานการซื้อ มีใบเสร็จรับเงิน มีหลักฐานการจ่ายเงิน
ผู้ผลิตดิ้นไม่หลุด ขึ้นศาลก็แพ้
การที่จะไปดำเนินคดีกับผู้ครอบครองนั่นคือปลายเหตุ

คดีนี้ เจ้าของรีสอร์ตไม่สามารถหาหลักฐานการซื้อแอร์มาแสดงให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต

สรรพสามิตส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีตามมาตร161แห่ว พรบ สรรพสามิต คือ มีสินค้าไว้ครอบครอง "โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี" 

อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะขาดพยานหลักฐานที่แสดงว่าผู้ครอบครองรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีกับเจ้าของรีสอร์ต แต่เจ้าพนักงานสรรพสามิตถูกร้องว่าปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่ขณะนี้ครับ

คดีนี้ถ้าจะไปเทียบเคียงกับคดี รถยนต์โบราณ น่าจะได้
รถยนต์ก็จอดอยู่ให้พี่น้องชาวพุทธได้ชม 
คนทำคดีน่าจะใช้สมอง ไม่ต้องออกหมายสมเด็จท่าน ไม่ต้องเชิญ ไปสอบสมเด็จท่านเอง


ส่วนเรื่องที่สมเด็จท่านจะมอบหมายให้พระรูปใดเป็นผู้ชี้แจง ก็นำมาใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมาย ไม่ต้องทำเป็นข่าวให้ใหญ่โต สมเด็จท่านอายุก็มาก 90 กว่าแล้ว ถ้าไม่มีจริยาวัตรที่ดีงามคงไม่ได้รับการแต่งตั้ง

เจ้าหน้าที่ถ้าทำให้ท่านต้องมัวหมอง ระวังนรกนะครับ

ผมเคยเป็นคณะกรรมการพิจารณาพิกัดอัตราภาษีศุลกากรอยู่ ปี
ถ้าเจ้าหน้าที่คิดจะใช้ กฎหมายศุลกากรมาดำเนินการ กับท่านสมเด็จ
อย่าเลยครับ ตาม ม.27 ทวิ ตัวบทเขียนไว้ชัดเจนว่าจะดำเนินคดีแก่ผู้ครอบครองได้ ต้องรู้แล้วว่าเป็นรถที่ยังมิได้เสียภาษี 

ม.27ทวิ "ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ดีเอสไอ ได้แถลงข่าวว่ามีข้อมูลรถจดประกอบลักษณะนี้กว่า 6,000 คัน แต่เร่งตรวจสอบเฉพาะคันนี้ในช่วงเวลาที่จะเสนอชื่อสมเด็จฯ ขึ้นทูลเกล้าแต่งตั้ง 

ที่ ดีเอสไอเปิดแถลง ก็เป็นขั้นตอน การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศแต่ละชิ้น ไม่ว่าตัวถัง เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่จะมีผู้ไปนำถวายสมเด็จช่วง ข้อเท็จจริงท่านอยู่ปลายทาง ที่รถสำเร็จรูปมาแล้ว จึงมีการถวายจอดอยู่แสดงโชว์เป็นรถโบราณไว้ในพิพิธภันฑ์มิได้ออกไปใช้งาน เหมือนรถยนต์ทั่วไป

แต่ขณะที่รถยนต์อีก 6,000 คัน กลับไม่รีบทำการตรวจสอบและดำเนินการแต่อย่างใด ควรไปดำเนินคดีกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนมากกว่าทำให้เห็นกระบวนการยุติธรรมว่า แม้กฎหมายจะดี แต่องค์กร และบุคคลในกระบวนการยุติธรรมถ้าบังอาจบิดเบือนข้อกฎหมายตีความตามอำเภอใจจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง 

ทั้งสรรพสามิตและศุลกากรดูที่เจตนาของผู้ครอบครองว่า รู้หรือไม่รู้ ว่าเสียภาษีไม่ถูกต้อง


ถ้ารู้ต้องถูกดำเนินคดี ก็เท่านั้นเอง


ถามทุกท่านท่านซื้อรถยนต์มาขับทุกวันนี้เคยเห็นหลักฐานเสียภาษีสรรพสามิต ศุลกากร คนขายรถมันเคยแสดงหลักฐานให้ท่านดูไหมว่าเสียภาษีมาถูกต้องครบถ้วนแล้ว

***
แล้วสมเด็จท่านจะทราบได้อย่างไรว่ารถคันนี้เสียถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ***

อ้างอิง 
http://news.voicetv.co.th/thailand/346239.html




สมเด็จผิดจริงหรือ? สมเด็จผิดจริงหรือ? Reviewed by Unknown on 03:04:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

Sponsor

ขับเคลื่อนโดย Blogger.